วันศุกร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2552

Bird strike_case_Ryan Air_2008


เครื่องบิน
ไรอันแอร์
ลงจอดฉุกเฉิน
เหตุนกชนทำเครื่องยนต์ขัดข้อง


11
พฤศจิกายน
2008















อิตาลี
11
..
-
เครื่องบินโดยสารของสายการบินไรอันแอร์ต้องลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินใน
กรุงโรม ประเทศอิตาลี
หลังเครื่องยนต์ได้รับความเสียหายเนื่องจากถูกนกพุ่งชน





โฆษกสาย
การบินไรอันแอร์
สายการบินต้นทุนต่ำสัญชาติไอริช
เปิดเผยว่า
เครื่องบินโดยสารแบบโบอิ้ง
737
ซึ่งเดินทางจากท่าอากาศยานนครแฟรงก์เฟิร์ตในเยอรมนี
พร้อมผู้โดยสาร
166
คน
และลูกเรือ
10
คน
ต้องลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินซิอัมปิโนในกรุงโรม
ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง
ภายหลังเครื่องยนต์ได้รับความเสียหายหลายจุด
รวมถึงบริเวณล้อหน้า
เนื่องจากถูกนกพุ่งชนเข้าไปติดในเครื่องยนต์หลายครั้ง
ระหว่างนักบินพยายามนำเครื่องลงจอด
ส่งผลให้ผู้โดยสาร
3
คน
และลูกเรือ
2
คนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
ขณะที่เจ้าหน้าที่ต้องสั่งปิดสนามบินซิอัมปิโน
ส่วนความเสียหายของเครื่องบินอยู่ระหว่างการจรวจสอบของเจ้าหน้าที่สายการบิน
ไรอันแอร์และสนามบินซิอัมปิโน





ที่มา
:
สำนักข่าวไทย



วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2552

ตัวอย่างวัตถุระเบิดเหลว


ทำความรู้จัก"วัตถุระเบิดเหลว"
ที่ใช้ในแผนก่อการร้ายในอังกฤษ
เมื่อปี
2006




เมื่อวันที่
10 สิงหาคม
2549 มีเหตุการณ์น่าตกใจเกิดขึ้น
เมื่อมีการเปิดโปงแผนการก่อการร้ายระเบิดเครื่องบินกว่า
10 ลำ
ของ
4 สายการบิน
เส้นทางจากอังกฤษไปยังเมืองต่าง
ๆ ในสหรัฐอเมริกา
สารเคมีสำหรับทำระเบิดที่ผู้ก่อการร้ายวางแผนจะใช้ในครั้งนี้มีลักษณะเป็นของเหลว
ซึ่งยากต่อการตรวจจับด้วยสุนัขดมกลิ่นหรือเครื่องตรวจจับระเบิดแบบธรรมดา
โดยคาดว่าผู้ก่อการร้ายคงจะนำสารตั้งต้นของระเบิดนี้ซึ่งเป็นของเหลวไปผสมเพื่อทำระเบิดในห้องน้ำบนเครื่องบิน
เรามาดูกันดีกว่าว่าวัตถุระเบิดชนิดนี้คืออะไร
ทำงานได้อย่างไร
และมีมาตรการอะไรในการป้องกัน





วัตถุระเบิดชนิดนี้มีชื่อว่า
ทีเอทีพี
(TATP)
หรือไตรอะซีโตน
ไตรเพอร์ออกไซด์
(Triacetone
triperoxide)

เชื่อกันว่าเป็นระเบิดชนิดเดียวกับที่ใช้ระเบิดรถไฟใต้ดินที่กรุงลอนดอนเมื่อปีที่แล้ว
สาร
TATP
นี้มีลักษณะเป็นผลึกสีขาว
เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์
(มีสูตรเคมีคือ
H-O-O-H พบได้ในน้ำยาล้างแผลฆ่าเชื้อโรค
หรือน้ำยาย้อมผม
)
กับอะซีโตน
(สูตรเคมีคือ
CH3-CO-CH3
พบได้ในน้ำยาล้างเล็บหรือเป็นส่วนประกอบของทินเนอร์ที่ใช้ผสมสี)
โดยมีกรด
เช่นกรดซัลฟิวริก
หรือกรดอะซีติก
เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา
เนื่องจากสารตั้งต้นในการผลิต
TATP หาซื้อได้ง่ายนี่เอง
ทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยได้รับบาดเจ็บ
พิการ
หรือแม้กระทั่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่เกิดจากการพยายามทำระเบิดเอง





ภายใต้สภาวะที่เหมาะสม
ผลิตภัณฑ์ที่ได้คือ
TATP
มีโครงสร้างเป็นวงประกอบด้วยอะซีโตนเพอร์ออกไซด์จำนวน
3 โมเลกุล
หรือไซคลิกไตรเมอร์
(cyclic trimer) เป็นผลิตภัณฑ์หลัก
ซึ่งมีความเสถียรและปลอดภัยเพียงพอต่อการเก็บรักษา
แต่อย่างไรก็ตาม
เราก็ยังมีโอกาสพบผลิตภัณฑ์ที่มีโครงสร้างเป็นวงประกอบด้วยอะซีโตนเพอร์ออกไซด์จำนวน
2 โมเลกุล
หรือไซคลิกไดเมอร์
(cyclic dimer)
ซึ่งไซคลิกไดเมอร์นี้มีความเสถียรต่ำมาก
จนสามารถระเบิดได้เพียงแค่สัมผัส
ปฏิกิริยาเมื่อ
TATP เกิดออกซิเดชั่น
(oxidation) คือ





2C9H18O6 + 21O2 ------>
18H2O + 18CO2





การทำงานของระเบิดโดยทั่วไปในปัจจุบันจะเกิดขึ้นเมื่อได้รับความร้อนสูงในการจุดระเบิด
องค์ประกอบทางเคมีของระเบิดจะถูกปล่อยอย่างฉับพลัน
และเกิดพลังงานความร้อนขึ้น
โดยพลังงานความร้อนที่เกิดนี้จะทำหน้าที่เร่งให้ส่วนประกอบทางเคมีเกิดการปล่อยพลังงานออกมาอีกทำให้แรงระเบิดขยายออกไป
ตัวอย่างของระเบิดประเภทนี้คือ
ทีเอ็นที
(TNT
หรือ
trinitro
toluene)
แต่
TATP
สามารถระเบิดได้เพียงแค่ได้รับความร้อนเล็กน้อย
การเสียดสี
แรงสั่นสะเทือน
การกระแทก
หรือกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอร์รี่ในโทรศัพท์มือถือ
คอมพิวเตอร์
notebook เครื่องเล่น
MP3 ก็สามารถจุดระเบิด
TATP ได้
การระเบิดของ
TATP เกิดจากการแตกตัวของโมเลกุล
TATP ที่เป็นของแข็งเปลี่ยนสถานะเป็นก๊าซ
เมื่อ
TATP
ระเบิดจะเกิดแรงดันมากกว่าอากาศที่อยู่รอบๆ
ถึง
200 เท่า
TATP
เพียงไม่กี่กรัมสามารถสลายตัวให้ก๊าซหลายพันลิตรภายในเสี้ยววินาที
โดยมีความร้อนเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยแต่มีแรงดันเกิดขึ้นมหาศาล
ลักษณะการระเบิดแบบนี้คล้ายกับหลักการทำงานของการสลายตัวของสารแอซไซด์
(Azide) ที่ใช้ในถุงลมนิรภัยในรถยนต์








ดังนั้น
กระทรวงคมนาคมอังกฤษจึงออกคำแนะนำสำหรับผู้โดยสารที่จะเดินทางด้วยเครื่องบินจากสหราชอาณาจักร
หลังจากพบแผนก่อวินาศกรรมบนเครื่องโดยสารแต่ตำรวจสามารถล้มแผนได้ก่อน
แต่ยังคงต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดและตรวจค้นผู้โดยสารอย่างละเอียดเพื่อความปลอดภัย





-มีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดตามสนามบินทุกแห่งของสหราชอาณาจักร


-มาตรการต่างๆ
มีผลบังคับใช้ทันทีกับผู้โดยสารที่เริ่มต้นเดินทางจากสนามบินในสหราชอาณาจักรและสำหรับผู้โดยสารที่แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินในสหราชอาณาจักร


-กระเป๋าถือทุกใบจะต้องผ่านการตรวจสอบเหมือนกับกระเป๋าโหลด


-สัมภาระที่จะถือขึ้นเครื่องจะต้องใส่ไว้ถุงพลาสติคใสเท่านั้น
ยกเว้น
:


* กระเป๋าสตางค์
และกระเป๋าเงินขนาดเล็ก
ที่มีสิ่งของต่างๆ
อยู่ เช่น เงิน
บัตรเครดิต
บัตรประจำตัวประชาชน
ฯลฯ


* เอกสารเดินทาง
เช่น หนังสือเดินทาง
และตั๋วเครื่องบิน


* แว่นตาหรือแว่นกันแดด
แต่ห้ามมีกล่องใส่แว่น


* ตลับใส่คอนแทคเลนส์
แต่ห้ามมีขวดใส่น้ำยาคอนแทคเลนส์


*
สิ่งที่ต้องมีสำหรับทารก
เช่น อาหาร นม
(แต่ละขวดจะต้องผ่านการลองชิมโดยผู้ที่เดินทางไปด้วยกัน)
ชุดอุปกรณ์เพื่อสุขอนามัยสำหรับเด็กในจำนวนที่เพียงพอสำหรับการเดินทางเท่านั้น
(ผ้าอ้อม,
กระดาษชำระ,
ครีมสำหรับทารก
และถุงใส่ผ้าอ้อมใช้แล้ว
)


*
ชุดอุปกรณ์เพื่อสุขอนามัยสำหรับผู้หญิงในปริมาณที่พอใช้สำหรับการเดินทาง


* กระดาษชำระ
(ไม่ใส่กล่อง)
และ/หรือ
ผ้าเช็ดหน้า


* กุญแจ
(แต่ห้ามกุญแจรีโมท)


-ผู้โดยสารทุกคนจะต้องถูกตรวจค้นโดยเจ้าหน้าที่
ส่วนรองเท้าและอุปกรณ์ทุกชิ้นที่นำขึ้นเครื่องจะต้องผ่านการเอ็กซเรย์


-รถเข็นและเครื่องช่วยพยุงเดิน
จะต้องผ่านการเอ็กซเรย์
และมีเพียงรถเข็นสำหรับผู้ป่วยจะต้องใช้ที่ทางสนามบินจัดเตรียมไว้เท่านั้น


-ของเหลวทุกชนิดที่ตรวจพบจะต้องทิ้ง


-ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาตรการการตรวจกระเป๋า


-การล่าช้าของเที่ยวบินเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ผู้โดยสารจะต้องมาถึงสนามบินเร็วกว่าปกติและให้แน่ใจว่าสัมภาระที่นำไปนั้นเป็นไปตามข้อกำหนดข้างต้น


-มาตรการความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นนี้อาจจะสร้างความลำบากให้กับผู้โดยสาร
โดยเฉพาะในช่วงเวลายุ่งเหยิงเช่นนี้
แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็นและจะต้องมีต่อไปเพื่อให้การเดินทางทางอากาศเป็นไปอย่างปลอดภัย


-หวังว่ามาตรการเหล่านี้
ซึ่งได้รับการทบทวนแล้วจากรัฐบาล
จะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น


-ขอให้ผู้เดินทางได้เข้าใจและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินและเจ้าหน้าที่ตำรวจ


-หากผู้โดยสารมีข้อสงสัยในการเดินทางหรือเรื่องความปลอดภัยในสนามบิน
ควรจะติดต่อกับทางสายการบิน





เป็นที่คาดการณ์ว่า
หากแผนดังกล่าวของผู้ก่อการร้ายประสบความสำเร็จ
จะมีผู้เสียชีวิตราว
2,700 คน
จากความสูญเสียที่คาดว่าจะเกิดขึ้นนี้
น่าดีใจที่แผนการณ์นี้ถูกขัดขวางเสียก่อน
แต่อย่างไรก็ตามวัตถุระเบิดเหลวชนิดนี้ก็ยังคงท้าทายความสามารถของอังกฤษและสหรัฐอเมริกาในการป้องกันหายนะที่จะเกิดขึ้นไปอีกหลายปีข้างหน้า